ปัจจุบันคอนโดมิเนียม มักเป็นที่อยู่อาศัยที่นิยมสำหรับแทบจะทุก ๆ ช่วงวัยเลยก็ว่าได้ เนื่องจากที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมนั้น ตอบโจทย์สำหรับผู้อยู่อาศัยหลาย ๆ คน หลาย ๆ ช่วงวัย ทั้งความสะดวกสบายของการเดินทาง การอยู่อาศัย ไลฟ์สไตล์ที่ไม่น่าเบื่อ เนื่องจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างตอบโจทย์ ด้วยความที่ตั้งอยู่ในเขตชุมชนไม่ว่าจะกิน ช้อป เที่ยว สังสรรค์ ก็สามารถทำได้อย่างสะดวกโดยที่ไม่ต้องไปที่ไหนไกลเลยล่ะค่ะ แต่การอยู่คอนโดมิเนียมนั้น ก็ต้องแลกกับค่าใช้จ่ายที่สูงพอสมควร ไม่ว่าจะค่าส่วนกลาง ค่าจิปาถะต่าง ๆ และค่าน้ำค่าไฟ ยิ่งช่วงหน้าร้อนบอกเลยว่าค่าไฟหนักเอาเรื่องเลยล่ะค่ะ ดังนั้นวันนี้ แฟรี่คอนโด จึงได้นำเคล็ดไม่ลับในการเปิดแอร์ยังไงให้ประหยัดค่าไฟ เมื่ออยู่คอนโด มาฝากทุกท่านค่ะ
ใช้แอร์ BTU ให้ถูกกับห้อง
การเลือกใช้ BTU ของแอร์ให้เหมาะกับห้องนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นค่ะ ยกตัวอย่าง ถ้าห้องเล็ก แต่ใช้ BTU สูงก็จะทำให้เปลืองไฟโดยใช่ที่ กลับกัน ถ้าหากห้องกว้าง แต่ใช้ BTU ต่ำ ลมแอร์ก็ไปไม่ถึง เปิดยังไงก็ไม่เย็นก็ทำให้เสียค่าไฟไปเปล่า ๆ ซึ่งการคำนวณค่า BTU ที่ดี ทำได้ไม่ยากเลย กับสูตร “กว้าง (เมตร) x ยาว (เมตร) x ค่าตัวแปร” ซึ่งถ้าหากเรามีคนในครอบครัวมากกว่า 3 คน มีคอมพิวเตอร์ หรือเพดานสูงที่เกิน 2.5 เมตร ก็จะต้องเพิ่มค่า BTU ขึ้นอีก 5% นะคะ
โดยค่าตัวแปรมีดังนี้
700 – 800 : สำหรับห้องที่ใช้แอร์ช่วงกลางคืน ( ห้องนอน หรือห้องที่โดนแดดน้อย เพดานต่ำ)
800 – 900 : สำหรับห้องที่ใช้แอร์ช่วงกลางวันหรือห้องทางทิศตะวันตก ( ห้องรับแขก หรือห้องที่ร้อนมาก – ปานกลาง)
900 – 1,000 : สำหรับห้องที่ใช้แอร์ช่วงกลางวัน อยู่ชั้นบน หรือห้องทางทิศตะวันตก ( ห้องทำงาน ยิม หรือห้องที่ร้อนมากๆ)
1,000 – 1,200 : สำหรับห้องที่ใช้แอร์หนัก มีคนจำนวนมาก และเปิดปิดประตูบ่อยๆ ( ร้านอาหาร หรือสำนักงาน )
ไล่ลมร้อนออกจากห้อง
ทิศทางลมสามารถช่วยลดความร้อนภายในบ้านได้ ซึ่งภูมิปัญญาของบ้านทรงไทยสามารถระบายความร้อนได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน โดยเฉพาะการยกใต้ถุนสูงที่กันได้ทั้งน้ำท่วมและช่วยระบายอากาศ ทั้งยังช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านอีกด้วย แต่สำหรับบ้านแบบอย่างในปัจจุบัน การเปิดหน้าต่างในห้องเพื่อไล่ลมร้อนออกก่อน ถือเป็นวิธีเปิดแอร์แบบประหยัดที่ได้ผลดี จะทำให้แอร์เย็นเร็ว และยังทำให้แอร์ไม่ทำงานหนักจนเกินไปด้วยค่ะ
ผ้าม่านช่วยได้
ในวิธีเปิดแอร์แบบประหยัด เรื่องทิศทางแดดก็สำคัญไม่แพ้กัน ที่เขาว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว เห็นจะใช้ไม่ได้กับคอนโดที่ยิ่งสูงยิ่งโดนแดดเผา ไหนจะหน้าต่างรอบด้านสวย ๆ ที่ทำให้ห้องของเราเหมือนเตาอบ แนะนำวิถีหนีร้อนแบบผู้อยู่อาศัยแนวสูง ด้วยการปิดผ้าม่านก่อนเปิดแอร์ซึ่งช่วยลดความร้อนจากแดดได้ หรือจะหันมาใช้ผ้าม่านกัน UV ก็ได้เช่นกันค่ะ
ลดเฟอร์นิเจอร์ที่สะสมความร้อน
สายมินิมอลอาจจะถูกใจสำหรับข้อนี้ เพราะเนื่องจากยิ่งเฟอร์นิเจอร์ในห้องเยอะเท่าไหร่ ก็ยิ่งสะสมความร้อนมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เป็นโลหะ แก้ว และกระจกที่มีคุณสมบัติดูดซับความร้อนได้ดี ทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้นเนื่องจากไอความร้อนจากสิ่งของภายในห้องนั่นเอง วิธีเปิดแอร์แบบประหยัดคือการลดเฟอร์นิเจอร์ในห้องลง หรือจะย้ายไปเก็บไว้ในห้องเก็บของก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ
เปิดแอร์คู่กับพัดลม
การที่เราจะรู้สึกเย็นนั้นนอกจากความชื้นสัมพัทธ์และอุณหภูมิแล้ว ความเร็วลมยังเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย หากต้องการวิธีเปิดแอร์แบบประหยัดค่าไฟ แนะนำ คือ เราสามารถเปิดแอร์ที่ 25 องศา เพื่อปรับอุณหภูมิห้องให้เย็น ไปพร้อมๆ กับเปิดพัดลมเพื่อแทนความเร็วลม จะทำให้แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก แถมยังได้ไอเย็นจากพัดลมแบบเต็ม ๆ ทั้งยังสามารถปรับระดับแรงลมได้เองอีกด้วยนะคะ
ลดการเปิดไฟ
แหล่งกำเนิดแสงทุกอย่างมักจะมีความร้อนแฝงด้วยเสมอ วิธีเปิดแอร์แบบประหยัดอีกหนึ่งวิธีคือพยายามลดการใช้ไฟภายในห้องนั้นให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อประหยัดไฟและให้แอร์ทำงานน้อยลง อย่างเช่นก่อนนอน เราก็อาจจะเปิดหน้าต่างห้องนอนทิ้งไว้ เร่งแอร์ให้แรงที่สุด (โหมด Power) ทิ้งไว้ในห้องมืด ๆ แล้วค่อยผ่อนลง จะทำให้รู้สึกว่าแอร์เย็นเร็วขึ้นเยอะทีเดียวเชียว แต่พอได้ที่แล้วก็อย่าลืมที่จะปิดหน้าต่างนะคะ เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนจากข้างนอกเข้าห้องของเราได้
ตั้งค่าปิดตอนกลางคืน
เป็นอีกวิธีประหยัดไฟฟ้าที่ผู้คนส่วนมากรู้จักกันดีและใช้กันบ่อย บางคนเปิดแอร์ตั้งแต่ 3 หรือ 4 ทุ่ม แล้วตื่นขึ้นปิดตอนตี 2 จากนั้นก็เปิดพัดลมแทน ก็เย็นพอ ๆ กันได้ยันเช้าเลย แต่สำหรับใครที่ขี้เซา ตื่นมาปิดแอร์ไม่ไหว ให้แนะนำ ก็สามารถตั้งเวลาปิดแอร์อัตโนมัติไว้ก็ได้เช่นกันค่ะ
ต่อไปเรื่องของค่าไฟ และหน้าร้อน จะกลายเป็นเรื่องเล็ก ๆ เพราะด้วยเคล็ดที่ไม่ลับที่เรานำมานั้นจะช่วยให้เราและทุกคนผ่านพ้นจากปัญหาความร้อนและปัญหาค่าไฟที่สูงลิ่วได้แล้วล่ะค่ะ ซึ่งวิธีดังกล่าวสำหรับใครที่อยากจะประหยัดค่าไฟแล้วล่ะก็สามารถนำเคล็ดไม่ลับนี้ไปปรับใช้สำหรับห้องหรือบ้านของเราได้เลยค่า เป็นอย่างไรบ้างคะกับบทความของเราในวันนี้ หวังว่าข้อมูลที่เราได้นำเสนอไปจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านนะคะ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าค่ะ