ปัจจุบันการล้างเครื่องปรับอากาศ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน บ้าน หรือคอนโดมิเนียม ก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายได้อย่างหลากหลายรูปแบบทั้งการล้างแบบชั่วคราวหรือการล้างด้วยตนเองที่เป็นการล้างแอร์เฉพาะส่วนของคอร์ยเย็นเท่านั้น แนะนำว่าควรทำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง การล้างแบบ Big Clean หรือการจ้างผู้ชำนาญมาทำการ ถอด และล้างแบบสะอาดหมดจด แนะนำควรทำอย่างน้อยปีละ 2 ครั้งค่ะ
การล้างแอร์ในแต่ละครั้ง จะช่วยลดการสะสมของฝุ่นบริเวณคอยล์เย็น ทำให้อากาศเข้าไปภายในตัวเครื่องแอร์ได้สะดวกมากขึ้น จึงทำให้ลมที่อออกมาจากตัวเครื่องนั้นให้ความรู้สึกเย็นฉ่ำ ช่วยยืดอายุการใช้งาน ป้องกันไม่ให้แอร์เสียง่าย ทำให้ไม่ต้องซ่อมแอร์บ่อยค่ะ
มลภาวะทางอากาศในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น ฝุ่นละออง ควันพิษ มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเหตุทำาให้แอร์หรือเครื่องปรับอากาศในที่อยู่อาศัยของเรา เริ่มมีความสกปรก ซึ่งนอกจากจะไม่ดีต่อสุขภาพของผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังทำให้เครื่องปรับอากาศของเรามีประสิทธิภาพการทำางานที่ถดถอย บั่นทอนอายุการใช้งาน สิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า และที่สำาคัญก็คือมีค่าใช้จ่ายที่บานปลายนั่นเองค่ะ
ประโยชน์ของการล้างเครื่องปรับอากาศ
ช่วยประหยัดค่าไฟ
การล้างแอร์อย่างเป็นประจำาจะทำาให้แอร์เย็นฉ่ำอยู่เสมอ อากาศภายในห้องสะอาดสดชื่น เพราะฝุ่นละอองที่สะสมจะช่วยลด การทำงานของตัวคอมเพรสเซอร์ โดยเฉพาะบริเวณคอยล์เย็นและคอยล์ร้อน ซึ่งการทำความสะอาดแอร์นั้นจะช่วยลดปัญหาการอุดตันของอุปกรณ์ ทำให้ อากาศไหลเวียนได้สะดวกค่ะ
ป้องกันอุปกรณ์ขัดข้อง
การล้างแอร์อย่างเป็นประจำจะทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องปรับอากาศมีความสะอาด สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพช่วยลดรายจ่ายในการซ่อมแซมอุปกรณ์ต่าง ๆ การทำความสะอาดจึงเป็นวิธีการดูแลแอร์ที่ดีอย่างหนึ่งเลยล่ะค่ะ
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
การล้างแอร์ในแต่ละครั้ง จะช่วยลดการสะสมของฝุ่นบริเวณคอยล์เย็น ทำให้อากาศเข้าไปภายในตัวเครื่องแอร์ได้อย่างสะดวกมากขึ้น จึงทำให้ลมที่ออกมาจากตัวเครื่องนั้นมีอากาศที่ดีและเย็น ช่วยยืดอายุการใช้งานป้องกันไม่ให้แอร์เสียง่าย ทำให้ไม่ต้องซ่อม แอร์บ่อย
ป้องกันเชื้อโรค
หากเปิดใช้งานแอร์เป็นระยะเวลานาน โดยไม่ใส่ใจทำาความสะอาด จะทำาให้เกิดการสะสมของเชื้อโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น เชื้อรา แบคทีเรีย การสะสมตัวของฝุ่นละอองที่อยู่ภายใน จนเป็นสาเหตุของการเกิดโรคภูมิแพ้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อระบบหายใจของผู้อยู่อาศัยการล้างแอร์บ่อย ๆ จะช่วยลดการเกิดกลิ่นอับทำให้อากาศสดชื่น และปราศจากเชื้อโรคค่ะ
ลดการอุดตันของอุปกรณ์ภายใน
สาเหตุหนึ่งที่ทำาให้แอร์ไม่เย็นนั้นส่วนมากเกิดจากการอุดตันภายในที่เกิดจากฝุ่นและสิ่งสกปรก จนส่งผลเสียทำาเกิดการหยดของน้ำยาแอร์ ซึ่งส่งผลเสียต่อตัวเครื่อง เพิ่มความเสี่ยงทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่าย นอกจากนี้ยังอาจก่อให้เกิดน้ำแข็งเกาะอยู่ภายในเครื่องอีกด้วย
ทำให้พัดลมแอร์ทำงานเต็มที่
การล้างแอร์อย่างถูกวิธี จะช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศทำให้อุปกรณ์ส่วนต่าง ๆ ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทำให้อากาศเกิดการหมุนเวียนภายในได้สะดวกทำให้ห้องเย็นลงโดยไม่เพิ่มภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ซึ่งการล้างแอร์อย่างถูกวิธีนั้นจึงเป็นวิธีที่สามารถช่วยลดการใช้พลังงานให้น้อยลงค่ะ
อุปกรณ์สำหรับ ล้างแอร์บ้านด้วยตัวเอง
1. ไขควง
2. ปืนฉีดน้ำแบบสั้นและสายต่อ (ถ้าไม่มีสามารถใช้สายยางได้)
3. โบลวเวอร์
4. ถุงพลาสติก แผ่นผ้าใบ หรือฟิวเจอร์บอร์ด
5. แปรงสำหรับขัดแผ่นกรองอากาศ (กรณีฝุ่นติดแน่น)
ขั้นตอนการล้างแอร์ด้วยตัวเอง
ปิดเบรกเกอร์และถอดหน้ากากแอร์ ก่อนเริ่มล้างแอร์อย่าลืมสิ่งสำคัญที่สุด นั่นคือการปิดเบรกเกอร์ไฟทั้งหมดก่อนเพื่อป้องกันอันตรายจากไฟฟ้าช็อต จากนั้นจึงเริ่มถอดหน้ากากแอร์และดึงแผ่นกรองอากาศออกมา
แยกส่วนถาดน้ำทิ้ง เมื่อดึงแผ่นกรองออกมาแล้ว ต่อไปเราจะมาจัดการกับส่วนถาดน้ำทิ้ง ขั้นตอนนี้ต้องขันสกรูที่ล็อคถาดน้ำทิ้งออก เตรียมไว้สำหรับรอทำความสะอาด
ถอดแผ่นเกล็ดกระจายลมและล้างคอยล์เย็น เมื่อถอดแผ่นกรองและถาดน้ำทิ้งออกแล้ว ขั้นต่อไปให้เราปิดฝาครอบวงจรไฟฟ้าโดยใช้ถุงพลาสติกหรือแผ่นผ้าใบขึงคลุมไว้ให้มิดชิด จากนั้นฉีดน้ำล้างแผงคอยล์เย็นให้ทั่ว
เป่าให้แห้งสนิท เมื่อฉีดน้ำล้างฝุ่นบริเวณแผงคอยล์เย็นแล้ว ทำการเป่าลมด้วยโบลวเวอร์เพื่อให้คอยล์เย็นและแผงวงจรต่างๆ แห้งสนิท
ล้างอุปกรณ์ต่างๆ อุปกรณ์ที่เราถอดออกมาล้างได้ก็คือแผงกรองอากาศ ถาดน้ำทิ้ง หน้ากากแอร์ และแผ่นบานเกล็ดสำหรับกระจายลม สามารถใช้น้ำฉีดแล้วใช้แปรงขัดเบาๆ อาจจะผสมผงซักฟอกเข้าไปด้วยเพื่อให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น จากนั้นนำไปผึ่งให้แห้งหรือใช้โบลวเวอร์เป่าเพื่อความรวดเร็ว เมื่อแห้งดีแล้วจึงเริ่มประกอบชิ้นส่วนทั้งหมดเข้าที่
ล้างคอยล์ร้อน คอยล์ร้อนคือส่วนที่อยู่บริเวณคอมเพรสเซอร์แอร์ การล้างคอยล์ร้อนไม่จำเป็นต้องถอดชิ้นส่วนออก เราสามารถฉีดน้ำล้างฝุ่นได้เลยค่ะ จากนั้นให้เปิดแอร์เพื่อทดสอบว่าระบบต่าง ๆ ทำงานเป็นปกติหรือไม่และเพื่อไล่ความชื้นที่ค้างอยู่ในเครื่องด้วย ควรเปิดแอร์เพื่อเช็คระบบอย่างน้อย 30 นาทีนะคะ เท่านี้ก็จบขั้นตอนวิธีล้างแอร์ด้วยตัวเองแล้วล่ะค่ะ