ไม่ว่าจะรถคันงาม หรือที่อยู่อาศัยในฝัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียม ต่างก็เรียกว่าเป็นเป้าหมายของใครหลาย ๆ คน ที่จะต้องมีให้ได้ ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งส่วนมากแล้วที่อยู่อาศัยอย่างบ้านหรือคอนโดมิเนียมกับรถนั้นก็มักจะมาในเวลาที่ใกล้ ๆ กัน มีที่อยู่อาศัยก็อยากจะมีรถ หรือมีรถก็อยากจะมีที่อยู่อาศัยเอาไว้จอดรถบ้าง ยิ่งเดี๋ยวนี้ไม่ต้องรอเก็บเงินก้อนใหญ่ทีเดียวก็สามารถเป็นเจ้าของคอนโดและรถได้ง่ายขึ้นด้วยการขอสินเชื่อ แต่ไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียมหรือแม้กระทั่งรถนั้น ก็ล้วนเป็นหนี้ก้อนใหญ่ที่ใช้ระยะเวลาในการผ่อนที่ยาวนานเหมือนกันทั้งคู่ อย่างรถยนต์ ที่มีระยะเวลาผ่อนอยู่ที่ 5 – 7 ปี ส่วนสินเชื่อบ้านนั้นมีระยะเวลาผ่อนที่ยาวนานกว่าอยู่ที่ 30 – 40 ปีก็มีเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งที่ตามมาจากการขอสินเชื่อนั้นก็คือดอกเบี้ย ดังนั้นเชื่อว่ามีหลาย ๆ คน ที่ต้องการปิดหนี้หรือรีบจบหนี้ตัวใดตัวหนึ่งออกไป เพื่อลดภาระดอกเบี้ยลง อีกทั้งถ้าหากผ่อนสองอย่างร่วมกันไปเรื่อย ๆ ในระยะเวลาที่ยาวนาน ก็คงจะเหนื่อยน่าดูเลยล่ะค่ะ และสำหรับคนที่ผ่อนทั้งคอนโดและรถพร้อมกัน ก็อาจจะมีคำถามว่าควรนำเงินไปโปะคอนโดหรือโปะรถก่อนดีล่ะ ซึ่งวันนี้ แฟรี่คอนโด จึงมาพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อ โปะคอนโดหรือโปะรถก่อนดี ถ้ามีเงินก้อน กันค่ะ
ก่อนอื่นเลยจะขออธิบายวิธีการคิดคำนวณดอกเบี้ยทั้งของคอนโดมเนียมและก็รถ เพราะคอนโดมิเนียมหรือรถนั้นมีวิธีการคิดคำนวณดอกเบี้ยที่ไม่เหมือนกันเลยค่ะ จะได้รู้ว่า ถ้าโปะเงินลงไปแล้ว ยอดหนี้จะลดลงมั้ย จ่ายดอกเบี้ยน้อยลงหรือเปล่า
ทางเลือกที่ 1 โปะหนี้คอนโด
ดอกเบี้ยบ้านหรือคอนโดมิเนียมนั้นนั้นจะคิดแบบลดต้นลดดอกไปเรื่อย ๆ จนครบสัญญา หรือเงินต้นหมด โดยเงินที่จ่ายแต่ละงวด จะไปหักเงินต้นให้ลดลง เมื่อเงินต้นลดลง จำนวนเงินที่เป็นดอกเบี้ยก็ลดลงตามไปด้วย ซึ่งการโปะบ้านจะทำให้ยอดเงินต้นลดลง ทำให้ยิ่งจ่าย ยิ่งผ่อนถูกลง
ยกตัวอย่าง เราขอกู้คอนโดในราคา 3 ล้าน 1 ปีผ่านไป เราผ่อนจนเงินต้นลดเหลือ 2.8 ล้าน แล้วเรามีเงินก้อนนึง ก็เอาเงินมาโปะคอนโดไปอีก 1 แสนบาท ตรงนี้จะทำให้ค่าดอกเบี้ยในระยะยาวของเราลดลงมาเกือบ 5 แสนบาทเลยทีเดียว แถมทำให้ระยะเวลาผ่อนบ้านลดลงไป 2 ปี 3 เดือนเลย เพราะเนื่องจาก ดอกเบี้ยบ้านเป็นดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก หมายความว่าทุก ๆ เดือน ดอกเบี้ยจะถูกคิดคำนวณใหม่ จากเงินต้นคงเหลือของเรา ถ้าเงินต้นหายไป 100,000 บาท แสดงว่า ค่างวดในอีกหลาย ๆ ปีที่เหลือ ก็จะถูกลงทุกเดือนนั่นเองค่ะ ดังนั้น ถ้ามีเงินก้อนแล้วนำไปโปะคอนโด ก็จะช่วยให้ประหยัดดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย รวมถึงระยะเวลาการผ่อนลดลงอีกด้วย
ทางเลือกที่ 2 โปะหนี้รถ
สำหรับดอกเบี้ยรถนั้นจะคำนวณแบบคงที่ตลอดระยะเวลาการผ่อนโดยเอาจำนวนเงินที่กู้เป็นตัวตั้ง คูณดอกเบี้ยต่อปี และระยะเวลาผ่อน จะได้ยอดดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งหมด จากนั้นบวกกลับไปในเงินต้น แล้วหารด้วยจำนวนเดือน จะได้ยอดผ่อนแต่ละเดือนออกมา
ยกตัวอย่าง เราซื้อรถมา 1 ล้านบาท ต้องผ่อน 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี เท่ากับว่าจะต้องจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด 150,000 บาท รวมกับเงินต้นด้วยก็จะได้ 1,150,000 บาท จากนั้นเอามาหาร 60 เดือน เท่ากับเราต้องจ่ายหนี้รถยนต์เดือนละ 19,166.67 บาท ซึ่งเป็นยอดเงินที่ต้องผ่อนต่อเดือนจนครบสัญญา การคิดดอกเบี้ยแบบคงที่นั้นทำให้ต่อให้ผ่อนไปมากน้อยแค่ไหน ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะเท่าเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลง เพราะว่าค่างวดเดือนละ 19,166.67 บาทนั้น ถูก fix ไว้แล้ว นั่นเองค่ะ
สรุปแล้วถ้ามีเงินก้อนต้องผ่อนอะไรก่อน
หลังจากรู้วิธีคิดดอกเบี้ยของทั้งการผ่อนรถ และการผ่อนคอนโดมิเนียมกันไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถ้ามีเงินก้อนอยู่ในมือ จะสรุปได้ว่า การโปะหนี้คอนโดจะได้ประโยชน์มากกว่า แต่ในกรณีที่ผ่อนรถอยู่เพียงอย่างเดียว ไม่ได้มีภาระผ่อนคอนโดอยู่ ถ้ามีเงินก้อนจะมาโปะรถดีหรือไม่ ขอแนะนำว่า ถ้าเงินก้อนนั้นเพียงพอจะปิดหนี้รถที่เหลืออยู่ ก็สามารถปิดหนี้รถได้ค่ะ เนื่องจากการปิดหนี้รถ ปกติแล้วธนาคารหรือไฟแนนซ์จะมีส่วนลดดอกเบี้ยให้บางส่วนของยอดดอกเบี้ยที่เหลืออยู่ ซึ่งช่วยให้ประหยัดดอกเบี้ยลงได้ แต่เน้นย้ำว่าต้องเป็นการปิดหนี้ หรือปิดบัญชีเท่านั้น เพราะถ้าเป็นการโปะหนี้เพียงบางส่วนก็ไม่ได้ช่วยให้เราจ่ายหนี้น้อยลง
ดังนั้นในกรณีถ้าผ่อนคอนโดกับรถพร้อม ๆ กัน จะโปะคอนโดหรือโปะรถก่อนดี ถ้ามีเงินก้อน คำตอบก็คือ ควรเลือกโปะคอนโดเลยดีที่สุดค่ะ เพราะยิ่งเราจ่ายไปมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งช่วยประหยัดค่าดอกเบี้ยที่จะตามมาในแต่ละเดือนมากเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเงินต้นลดลง ดอกเบี้ยก็ลดตาม หนี้ก็หมดไวขึ้น และคอนโดมิเนียมในฝันก็จะเป็นของเราอย่างแท้จริงแล้วล่ะค่ะแล้วพบกันใหม่ในบทความหน้ากันค่ะ