ตามบ้านเรือนแต่ละหลัง เพื่อนๆคงเคยเห็นศาลเจ้าที่ ที่อยู่บริเวณหน้าบ้าน คอยเป็นที่พึ่งพาทางใจให้กับเจ้าของบ้าน เพื่อให้เจ้าของบ้านแน่ใจว่า การอยู่อาศัยบ้านหลังนี้ จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองอยู่เสมอ และบันดาล ดลจิตให้คนในบ้านอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข มีแต่เรื่องดีๆเข้ามาในชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล วันนี้พวกเราfairycondoเลยอยากจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ พระพรหมสี่หน้า ที่เรามักจะเจอในส่วนของพื้นที่หน้าร้าน ของกิจการ, โรงงาน, โรงแรม หรือตามบริษัทต่างๆ หรือแม้แต่ในบ้านบางหลัง ที่มีขนาดใหญ่ มีอาณาเขตบ้านกว้าง ก็ที่นิยมตั้งพระพรหมไว้ในบ้านด้วยเช่นกัน พระพรหมนั้นเกิดจากความเชื่อที่สืบทอดกันมาตั้งแต่อดีต ผู้คนส่วนใหญ่เชื่อกันว่า พระพรหมคือ 1ในเทพ ที่ยิ่งใหญ่ มีพลังอำนาจมาก และตามความเชื่อของศาสนาพราหมณ์ เชื่อว่า พระพรหม จะมีอิทธิฤทธิ์ บันดาลสิ่งต่างๆ ให้กับผู้ที่กราบสักการะได้ทุกอย่าง และยังเป็นเทพที่เป็นผู้สร้างโลก และทุกๆชีวิตบนโลกใบนี้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งศาลพระ พรหมสี่หน้า ไว้ตามสถานที่ต่างๆ เพื่อกราบสักการะได้เสมอ อย่างที่ประเทศไทยก็มีผู้คนจำนวนมากเชื่อในเรื่องพระพรหม มาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว และส่งต่อความเชื่อนี้สืบทอดกันมายาวนาน
หากไม่มีเรื่องราวมาก่อน ก็ไม่อาจจะทำให้ผู้คนเชื่อต่อกันมาจนจวบปัจจุบัน อย่างเรื่องเล่าของโรงแรมเอราวัณ ที่ีมีความเกี่ยวพันกับพระพรหม ได้ใช้ชื่อโรงแรมว่าเอราวัณ เป็นชื่อช้างทรงพระอินทร์ ในการศึก ก่อนจะก่อสร้างโรงแรมแห่งนี้ ก็ไม่ได้มีพิธีการบวงสรวงบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ จึงทำให้การก่อสร้างล่าช้า เหล่าคนงานก่อสร้างเกิดอุบัติเหตุหลายคน, เกิดเหตุการณ์สร้างโรงแรมผิดแบบบ้าง ต้องรื้อ แก้ไข ทำมา3ปีก็ยังทำไม่เสร็จ ทั้งติดขัด ล่าช้า และหยุดชะงักไปเป็นเวลานาน จนกระทั่งได้มีการขอพรจากพระพรหม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านโหราศาสตร์แนะนำ จึงทำให้โรงแรมสร้างได้อย่างราบลื่น เมื่อก่อสร้างโรงแรมเสร็จแล้ว ทางโรงแรมเอราวัณ ก็รีบตั้งศาลพระพรหมทันที ปั้นรูปทรงตามแบบแผนกรมศิลปากร ด้วยปูนปลาสเตอร์ปิดทอง จึงทำให้เราสามารถเข้าไปกราบสักการะ ศาลพระพรหม ที่มีชื่อที่สุดในประเทศไทยได้กันที่ ศาลพระพรหม โรงแรมเอราวัณ สี่แยกราชประสงค์ ที่เปิดให้ทั้งคนในประเทศ และนักท่องเที่ยวได้เข้ามากราบไหว้ สักการะ ศาลท้าวมหาพรหม
ซึ่งเพื่อนๆอาจสงสัย การไหว้พระพรหม เจ้าที่ใช้ธูปกี่ดอกดี โดยปกติ ถ้าหากไหว้พระพรหมตามทิศต่างๆ ในแต่ละหน้าของพระพรหมนั้น ก็จะมีการใช้ธูปจำนวนแตกต่างกัน โดยการไหว้พระพรหมให้ครบทั้ง4ด้าน จะมีการเลือกใช้ธูปแต่ละทิศ ไม่เท่ากัน ตามด้วยเทียน 9เล่ม ดอกบัว 9ดอก และน้ำ1ขวด อย่างถ้าเราไหว้ทิศเหนือ ให้ใช้ธูป 16ดอก , ทิศตะวันออก ใช้ธูป 19ดอก, ทิศใต้ ใช้ธูป 36ดอก และทิศตะวันตก ใช้ธูป 39 ดอก เมื่อมีผู้คนหลั่งไหล มาไหว้กันมาก จึงมีความศรัทธาเพิ่มทวีคูณ กลายเป็นจุดเริ่มต้น ของการสร้างศาลพระพรหม ที่สร้างไว้บูชาตามบ้าน, อาคารสำนักงาน, บริษัทต่างๆ, โรงงาน และโรงแรมต่างๆ เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายเลยทีเดียว แล้วถ้าหากเราอยากจะไหว้พระพรหมตามที่บ้านหรือโรงงานล่ะ ตามปกติแล้วจะไหว้พระพรหมในหมู่บ้าน ธูปกี่ดอก ก็เลือกใช้ธูป 9 ดอก ตามด้วยเทียน 2 เล่ม ก็ถือว่าเป็นมงคลและเพียงพอแล้ว
ซึ่งสถานที่ที่สามารถเข้าไหว้พระพรหม ในปัจจุบันนี้ ก็มีหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น ศาลพระพรหมเอาราวัณ สี่แยกราชประสงค์, พระพรหมในวัดพระศรีมหาอุมาเทวี(วัดแขกสีลม), ศาลพระพรหมแยกคลองขวาง หนองแขม และที่ศาลพระพรหมที่เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ที่มีเหล่าผู้คนที่มีความศรัทธา เข้ามากราบสักการะและขอพร บางคนก็บนบานศาลกล่าว ขอในสิ่งที่ต้องการมากมาย เราจะเห็นได้ถึง ความศักดิ์สิทธิ์ของพระพรหม ว่ามีมากขนาดไหน ที่บันดาลพรให้กับเหล่าผู้คนที่เข้ามากราบไหว้ได้จาก คนที่เข้ามา แก้บน พระพรหม ซึ่งวิธีแก้บนนั้น บางคนก็เข้าไปจุดธูปแล้ววางของถวาย อาจจะเป็นดอกไม้, ผลไม้, พวงมาลัย แล้วอธิษฐานจิตขอบคุณท่านก็ได้ บางคนก็ใช้วิธีการรำแก้บนถวายพระพรหม
ถ้าหากเพื่อนๆ อยากรู้ว่าเราควรเข้าไปไหว้พระพรหมวันไหนดี เพื่อที่จะได้ลางาน ไปหาของถวาย และเข้าไปเพื่อกราบสักการะพระพรหม โดยตามปกติแล้ว เราสามารถเข้าไปกราบไหว้ สักการะ บูชา วันไหนก็ได้ตามที่เราสะดวกและมีเวลา แต่ถ้าจะไหว้ตามหลักความเชื่อจริงๆ ก็เชื่อกันว่า วันพฤหัสบดี เป็นวันที่ดีและเหมาะสมที่สุด เพราะเชื่อว่าเป็นวันที่เทพจะเสด็จลงมายังโลกมนุษย์ เช่นเดียวกันกับเวลา ว่าเราควรจะไหว้พระพรหมกี่โมง เวลาไหว้ความจริงนั้นก็แล้วแต่เราสะดวก แต่เวลาที่ผู้คนเชื่อว่าเทพลงมารับฟังคำขอพรของมนุษย์ คือตั้งแต่ช่วง 21.30น. เป็นต้นไป และวันที่ไม่นิยมไปไหว้พระพรหมนั้น ก็คือทุกๆวันพระ เพราะเชื่อกันว่าพระพรหมจะต้องเสร็จไปปฏิบัติธรรมนั่นเอง เมื่อเราตั้งใจจะไปกราบสักการะ ไม่ว่าจะที่บ้าน, ที่ทำงาน หรือตามสถานที่กราบไหว้พระพรหมที่ไหนก็ตาม สิ่งที่เราควรรู้ก็คือ เนื้อสัตว์, สุรา เป็นสิ่งที่ห้ามอย่างเด็ดขาด เมื่อเราต้องการนำของมาถวาย ของที่เรานำมาถวายนั้น ควรเป็น ธัญพืชต่างๆ, ของหวาน ที่ทำมาจากธรรมชาติ, ผลไม้ ชนิดต่างๆ สด ใหม่, ดอกไม้ต่างๆ อย่าง ดอกดาวเรือง, ดอกมะลิ, ดอกบัว เป็นต้น เพื่อเป็นมงคลแก่ตัวเพื่อนๆเอง เลือกของถวายที่ดีมีประโยชน์ ไม่เบียดเบียนผู้ใด หากไม่เชื่อสิ่งใดก็อย่าลบหลู่ เพื่อนๆควรไปกราบไหว้ด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้า เมื่อขอพรอันใด ก็จะประสบความสำเร็จในทุกคำขอได้อย่างง่ายดาย